เซลล์บำบัด

 

สเต็มเซลล์คือ ?

สเต็มเซลล์(Stem Cell)คือเซลล์ต้นกำเนิดซึ่งสามารถกลายเป็นอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายหรือสามารถซ่อมแซมส่วนที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่แข็งแรงได้

การทำเซลล์บำบัด คือ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดหรือที่เรียกว่าสเต็มเซลล์ ซึ่งสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ รวมถึงสามารถแบ่งตัวเป็นสเต็มเซลล์ตัวใหม่ได้เรื่อยๆ และทำหน้าที่เสมือนระบบซ่อมแซมให้เนื้อเยื่อสมบูรณ์ ใช้ในการรักษาโรคจากความเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายได้ โดยเราสามารถใช้สเต็มเซลล์ที่มาจากตัวเราเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมแซม เสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายเรา ซึ่งเซลล์เราเองเป็นแหล่งสเต็มเซลล์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพดี และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด สำหรับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์นั้น สามารถใช้สเต็มเซลล์กับข้อเข่า สเต็มเซลล์ผิวหน้า และส่วนอื่นๆ ในร่างกายได้ ช่วยในการชะลอวัย โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ แพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคเอสแอลอี รูมาตอยด์ ข้อเสื่อมและอาการปวด ผิวเสื่อมสภาพและผมร่วง โรคที่เกี่ยวกับระบบสมองและหัวใจ การรักษาบาดแผล เป็นต้น

 

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือ เซลล์ธรรมชาติที่มีลักษณะหลายเซลล์และอยู่ในสิ่งมีชีวิต ทั้งในมนุษย์ พืช รวมทั้ง สัตว์ เกือบทุกชนิด สเต็มเซลล์ประกอบด้วยหลายเซลล์ มีต้นกำเนิดมาจากเซลล์หนึ่ง โดยเริ่มต้นจากเซลล์เดียวที่มีการผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย พัฒนาไปเป็นหลายเซลล์และพัฒนาอีกไปเป็นอวัยวะ เซลล์ที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวล เราเรียกว่า “สเต็มเซลล์”

เมื่อมนุษย์จริญเติบโตขึ้น โดยนำครึ่งหนึ่งของเซลล์มาจากไข่ของแม่ และครึ่งหนึ่งมาจากสเปิร์มของพ่อ รวมกันกลายเป็นหนึ่งเซลล์ เกิดการฝังตัวกลายเป็นมนุษย์ และมีอวัยวะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์เนื้อเยื่อทั้งหมด ได้ถึง 200 กว่าชนิด ทีเดียว จึงเรียกได้ว่า เซลล์ทุกเซลล์มีการพัฒนา มาจากสเต็มเซลล์นั่นเอง

ผู้ก่อตั้งคำว่า สเต็มเซลล์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซียท่านหนึ่ง ในปี คศ. 1908 การประชุมที่กรุงเบอร์ลิน เชื่อว่า สเต็มเซลล์ มีความสามารถในการสร้างเลือด จึงตั้งชื่อว่า สเต็มเซลล์ และได้มีการศึกษามาอย่างยาวนานและต่อเนี่องไปพร้อมกับการพัฒนาความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นชีวิตได้

สเต็มเซลล์สามารถพัฒนาสร้างสิ่งมีชีวิตและสร้างอวัยวะขึ้นมาได้ เมื่อเจริญเติบโตเป็นมนุษย์แล้ว สเต็มเซลล์ก็ยังคงอยู่และกระจัดกระจายอยู่ในร่างกาย สเต็มเซลล์มีทำหน้าที่ซ่อมแซม เมื่ออยู่ในตับ ก็ทำหน้าที่สร้างตับ สเต็มเซลล์ที่อยู่ในสมอง ทำหน้าที่สร้างสมอง ที่อยู่ในไขกระดูก ก็ทำหน้าที่สร้างเลือด

มีงานวิจัยค้นพบว่า สเต็มเซลล์สามารถซ่อมร่างกายได้ โดยทำการทดลองนำเส้นเลือดหัวใจของหนู มาทำให้เกิดอาการหัวใจขาดเลือด และทดลองโดยการฉีดสเต็มเซลล์เข้าไป พบว่าภายใน 9 วัน หนูสามารถสร้างเส้นเลือดใหม่ และกล้ามเนื้อหัวใจใหม่ได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ได้มีการศึกษาวิจัยสเต็มเซลล์เพิ่มขึ้น แต่ในบางแห่งนั้น ได้นำมาใช้ โดยขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง

ความแตกต่างของสเต็มเซลล์ ที่มาจากเลือด มาจากไขกระดูก และมาจากรก

สเต็มเซลล์จากเลือด: ในเม็ดเลือดประกอบด้วยสเต็มเซลล์ ในปัจจุบัน เราพยายามนำสเต็มเซลล์จากเลือดมารักษา โดยการฉีดยาให้ไขกระดูกสร้างสเต็มเซลล์ หลังจากนั้น ก็ทำการใช้เครื่องเก็บสเต็มเซลล์ และนำกลับมาฉีดเข้าไปใหม่ ยกตัวอย่าง การศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องตัดขา การใช้สเต็มเซลล์รักษานั้น ทำให้ประมาณ 90% ไม่ต้องตัดขา และยังสามารถทำให้แผลหายได้ ซึ่งเป็นการตอบสนองผลการรักษาที่ค่อนข้างดี

สเต็มเซลล์จากไขกระดูก: ในไขกระดูกของมนุษย์ มีหลายเซลล์ประกอบกัน หนึ่งในนั้นก็มีสเต็มเซลล์ไขกระดูกด้วยการเจาะเข้าไปในกระดูกและดูดส่วนของเลือดออกมา จะได้สเต็มเซลล์จากไขกระดูก ซึ่งปรากฏว่าสามารถตอบรับได้ดีในการรักษาโรคหลายๆโรค เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไขสันหลัง และโรคชรา

สเต็มเซลล์จากรก: มาจากส่วนของสายสะดือ จากรก จากน้ำคร่ำ ซึ่งสามารถสกัดนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการรักษาได้ สเต็มเซลล์ชนิดที่เหมาะแก่การปลูกถ่ายในผู้ป่วยเพื่อการรักษา เรียกว่า “มีเซนไคม์” ในต่างประเทศ ได้แยก “มีเซนไคม์” ให้มีความบริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้สามารถปลูกถ่ายให้กับใครก็ได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีการแยกสเต็มเซลล์จากน้ำคร่าแล้ว เพื่อใช้ในการรักษาโรค เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวาน และโรคเลือด

หลักการทำงานของสเต็มเซลล์ อันดับแรก จะเข้าไปในอวัยวะที่เกิดการบาดเจ็บและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและทำให้เจริญงอกใหม่ในเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้น ทั้งนี้ ได้มีการพิสูจน์และรับรองด้วยผลวิจัยมาแล้ว เช่น ได้ทำการทดลองนำเข็มไปทิ่มที่สมองของหนูและฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปที่หางของหนู ปรากฏว่าสเต็มเซลล์ได้เข้าไปเปลี่ยนเป็นเซลล์สมองในบริเวณสมองของหนู การเปลี่ยนแปลงเซลล์นั้น พิสูจน์แล้วว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากเซลล์ที่ฉีดเข้าไป ทั้งนี้ สเต็มเซลล์ยังทำหน้าที่ สร้างสาร Growth Factor เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ซ่อมตัวเองซึ่งเปรียบเหมือนเป็นยาหลั่งสารอายุวัฒนะนั่นเอง

สเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคใดได้บ้าง?
ในปัจจุบัน ทั่วโลกมีการวิจัยแล้วว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ถือเป็นความหวังใหม่ทางการแพทย์ที่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการเสื่อมถอยของเซลล์ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคเบาหวาน โรคเลือด โรคตับ โรคสมอง ข้อเข่าเสื่อม ภูมิต้านทานไวเกิน รูมาตอยด์ SLE มะเร็งบางชนิด โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต จอประสาทตาเสื่อม โรคไขสันหลัง หลอดเลือดสมองตีบ และโรคออทิสติก

ความก้าวหน้าของการนำสเต็มเซลล์มาใช้รักษาโรคในต่างประเทศ?
สำหรับความก้าวหน้าของการรักษาในต่างประเทศนั้น ปัจจุบัน สเต็มเซลล์ได้ถูกนำมาสกัดเป็นยา เพื่อใช้ในการรักษาโรค มีชื่อว่า “Prochymal” ได้รับการรับรองจากประเทศแคนนาดา ซึ่งจัดว่าเป็นยาที่สกัดจากสเต็มเซลล์ ตัวแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้ ส่วนในประเทศออสเตรเลีย ได้อนุมัติให้ใช้สเต็มเซลล์จากไขมันของตัวเอง ซึ่งพบว่าได้รับการตอบสนองซึ่งได้ผลดีกับการรักษาในโรคสมองเสื่อมและไขสันหลังเสื่อมด้วย ในปัจจุบัน การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ถือว่าเป็นความล้ำหน้าของการเจริญด้านวิวัฒนาการผสมกับวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่จริง