เพราะทุกช่วงวัยมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน การเลือกดื่มนมให้ถูกกับวัย สามารถช่วยให้ร่างกายรับประโยชน์จากนมได้อย่างเหมาะสม
วัยแรกเกิด นมแม่เป็นอาหารที่ให้ประโยชน์สูงสุด ทารกต้องดื่มนมแม่ติอย่างน้อยถึงอายุ 6 เดือน พร้อมเสริมอาหารตามวัย
วัยเด็ก เหมาะกับนมโคสดแท้ 100% ควรเป็นนมรสจืด ช่วยเสริมการเจริญเติบโต ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
วัยผู้ใหญ่ ควรดื่มนมชนิดพร่องมันเนย ในผู้มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ไม่แนะนำให้ดื่มนมวัวแท้ 100%
วัยสูงอายุ นมยังจำเป็นอยู่ในการช่วยสร้างฮอร์โมน รวมทั้งฟื้นฟูร่างกาย อย่างน้อยจึงควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว
อาบน้ำร้อน อาบน้ำอุ่น อาบน้ำเย็น แบบไหนเหมาะกับผิว การอาบน้ำไม่ใช่แค่การชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยคืนความสดชื่นให้กับร่างกายและสมอง รวมทั้งน้ำยังช่วยดูแลผิวให้สุขภาพดีได้ด้วย การอาบน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม เราลองไปดูกันว่าการอาบน้ำในอุณหภูมิที่ต่างกันจะให้ผลดีกับผิวต่างกันอย่างไร และอุณหภูมิน้ำแบบไหนที่ดีกับผิวเราบ้างน้ำร้อนการอาบน้ำร้อนจะต้องมีอุณหภูมิประมาณ 37-42 องศาเซลเซียส (ไม่ควรเกิน 42 องศาเซลเซียส) อุณหภูมิระดับนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัว แต่ไม่ควรอาบหรือแช่น้ำร้อนเกิน 15 นาที เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไปจนหน้ามืด เป็นลมได้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวแห้ง มีผื่นขึ้น ผิวเหี่ยว หรืออาจทำให้เลือดคั่ง ประสาทอ่อนล้า กระวนกระวาย ง่วงเหงา และเมื่ออาบน้ำร้อนเสร็จควรอาบซ้ำด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน หรือจะทาครีมบำรุงผิวเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวก็ได้ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไปน้ำร้อนอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส เทียบได้กับการแช่บ่อน้ำพุร้อนคล้ายออนเซนของญี่ปุ่น หรืออ่างน้ำร้อนแช่ตัวในสปาหรือสถานบำบัดต่างๆ น้ำร้อนอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียสจะมีละอองไอน้ำบางมากๆ ลอยขึ้นมา ไอน้ำจะไม่หนาและเห็นเป็นสีขาวชัดเจนเหมือนน้ำเดือดน้ำอุ่นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำอุ่นอยู่ที่ 27-37 องศาเซลเซียส จะช่วยให้ผิวขับของเสียที่คั่งค้างออกมาได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกสบายตัว ช่วยลดอาการมือเท้าเย็น บวม เส้นเลือดขอด ช่วยกระตุ้นการไหลของเลือด และช่วยลดความเครียดได้ การแช่น้ำอุ่นเหมาะสำหรับคนที่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะน้ำอุ่นจะไปเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายทำให้รู้สึกสบายตัว หลับได้ง่ายและนานขึ้นน้ำอุ่นอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียสจะเป็นความร้อนระดับเดียวกับอุณหภูมิในร่างกาย โดยให้สังเกตว่าเมื่ออาบแล้วจะสบายตัว แม้จะอาบน้ำแช่นานๆ ก็จะไม่รู้สึกแสบผิว แต่จะรู้สึกสบายตัวน้ำเย็นการอาบน้ำเย็นควรอาบที่อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส ในช่วงแรกที่อาบน้ำเย็นจะรู้สึกหนาวจนขนลุก แต่กลับช่วยทำให้กล้ามเนื้อตื่นตัวได้ดี เพราะเลือดจะมาเลี้ยงผิวหนังได้มากขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อตื่นตัวก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ขณะเดียวกัน งานวิจัยในต่างประเทศยังพบว่า การอาบน้ำเย็นจะช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า อาการหดหู่ได้ด้วย นอกจากนี้หลังอาบน้ำเย็นแล้วควรทาครีมบำรุงผิวเพื่อป้องกันผิวแห้งแตก เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวสุขภาพดีน้ำเย็นอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส เป็นความเย็นที่พอเหมาะที่จะไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนจนผิวซีด เล็บมือไม่เขียวคล้ำ ผิวนิ้วไม่เหี่ยว และไม่เย็นจนรู้สึกปากสั่นฟันกระทบ
ฟันของคนเรานั้นมีทั้งหมด 2 ชุด คือ ฟันแท้ และฟันน้ำนม แต่ฟันน้ำนมของหลายคนก็น่าจะหลุดไปในช่วงสมัยประถมศึกษา ซึ่งต่างจากสัตว์อื่น เช่น ฉลาม ฉลามเป็นสัตว์ที่มีฟันชุดใหม่มาทดแทนได้เสมอ เมื่อฟันเกิดการเสียหายขึ้น ดังนั้นคนเราจึงต้องดูแลฟันแท้ให้ดี เพราะกระบวนการบดเคี้ยวอาหารของเรา ต้องพึ่งพาฟันชุดนี้ไปตลอดชีวิต วันนี้ผมมีวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้สุขภาพฟันของคุณแข็งแรง และลดการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา1. แปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารสาเหตุหนึ่งของฟันผุ เกิดจากเศษอาหารเข้าไปติดค้างในซอกฟัน ดังนั้นการแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารจะช่วยลดปัจจัยการเกิดฟันผุไปได้ ซึ่งการแปรงฟันนั้น ก็จะต้องแปรงทั้งด้านนอก และด้านในให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยในกรณีที่ขนแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง2. ใช้แปรงสีฟันที่ขนแปรงไม่แข็งเกินไปแปรงสีฟันที่ดี ขนแปรงต้องไม่แข็งจนเกินไป เพราะถ้าเราใช้ไปนาน ๆ อาจจะเกิดการบาดเจ็บในช่องปาก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อฟันของเรา เช่น โรคเหงือก เกิดจากเหงือกของเราที่ร่น และมีเลือดออกตามไรฟัน ทำให้รากฟันของเราเป็นโรคและเกิดการติดเชื้อ ถ้าไม่เลือกแปรงสีฟันที่เหมาะสมคุณอาจจะสูญเสียฟันไปได้3. ไม่กัดแทะของแข็งการทานอาหารของเราในทุก ๆ มื้อนั้นทำให้ฟันเกิดการกัดกร่อนอยู่แล้ว และหากคุณยังใช้ฟันกัดแทะของแข็ง เช่น น้ำแข็ง ร่วมด้วยนั้นจะทำให้การกัดกร่อนของฟันเร็วยิ่งขึ้น เพราะการที่ของแข็งกระทบกับฟัน จะทำให้สารเคลือบฟันเกิดการเสียหาย และยังอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันตามมาอีกด้วย4. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ไม่น่าเชื่อถือทุกวันนี้หากเราเข้าไปในอินเทอร์เน็ต หรือร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ เราจะพบว่ามีผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันหรือ ฟอกฟันขาวอยู่จำนวนมาก เราไม่ควรที่จะเชื่อคำโฆษณามากเกินไป เพราะมีผู้ใช้บางราย เกิดอาการฟันผุกร่อนจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หากคุณต้องการที่จะฟอกฟันขาว แนะนำให้ปรึกษากับทันตแพทย์คือทางเลือกที่ดีที่สุด5. พบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนการไปพบทันตแพทย์ในทุก ๆ 6 เดือนนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ เพราะทันตแพทย์จะได้ทำการประเมินสุขภาพฟัน รวมถึงขูดหินปูน และตรวจดูว่ามีฟันซี่ไหนที่ผุหรือไม่ ถ้ามีจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อที่จะไม่ให้เราสูญเสียฟันไปอย่างน่าเสียดาย
ถั่ว เป็นเหมือนเมล็ดของพืช จึงมีสารอาหารที่มีประโยชน์เก็บไว้มากมายเชื่อว่า มนุษย์กินถั่วเป็นอาหารมาเป็นเวลามากกว่าหมื่นปีถั่วแบ่งออกเป็นหลายชนิดกลุ่มโปรตีนสูง เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลูปินกลุ่มไขมันสูง เช่น วอลนัท แมคคาเดเมียกลุ่มคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียวกลุ่มสมดุล เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์ (โปรตีน+คาร์โบไฮเดตร(ใยอาหาร)+ไขมันดี)โปรตีนในถั่วถั่วมีกรดอะมิโนที่ครบถ้วนแต่บางชนิดอาจจะน้อยไปหน่อยถ้ากินถั่วร่วมกับธัญพืชอื่นๆด้วยจะได้กรดอะมิโนที่ดีเยี่ยมไขมันในถั่วแม้ถั่วบางชนิดจะมีไขมันสูง แต่ไขมันในถั่ว จะเป็นไขมันดี ซึ่งไขมันดีจะช่วยกำจัดไขมันเลวในร่างกายเราได้คาร์โบไฮเดตรในถั่วคาร์โบไฮเดรตของถั่วจะมีใยอาหารสูง(ไฟเบอร์) ทำให้อิ่มนานและดีต่อลำไส้ใยอาหารจะช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลและไขมันที่มากเกินไป แล้วขับถ่ายออกมา(แทนที่จะไปสะสมในพุง)นอกจากนี้…ถั่วยังอัดแน่นไปด้วย วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ดังนั้นถั่วจึงเป็นอาหารที่ช่วยให้คุณดูเด็กอยู่เสมอ
เนื้อไก่ที่เรากินมีอยู่หลายส่วน แต่ส่วนที่ถือว่ามีโปรตีนสูงและไขมันต่ำมากที่สุดก็คืออกไก่
โดยอกไก่ 100 กรัมจะให้โปรตีนประมาณ 20 กรัม และถ้าลอกหนังออกจะให้ไขมันเพียงแค่ 4 กรัมเท่านั้น
โปรตีนสำคัญอย่างไร?
1.ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
กรดอะมิโนในโปรตีน โดยเฉพาะกลุ่ม BCAAs ถ้าได้รับเพียงพอจะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ
2.สร้างสารที่สำคัญ
โปรตีนมีส่วนช่วยสร้างเอนไซม์ , ฮอร์โมน และสารภูมิคุ้มกัน
3.ช่วยให้อิ่มนาน
งานวิจัยพบว่ากินอาหารที่มีโปรตีนสูงช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการหิว
*ข้อดีของอกไก่คือไขมันต่ำกว่าเนื้อไก่ส่วนอื่นๆ โดยปริมาณไขมันต่อเนื้อไก่ 100 ก.
อก 4กรัม
น่อง 6กรัม
ปีก 8กรัม
สะโพก 11กรัม